top of page
Writer's pictureTT&T Services

อัพเดตข้อมูลทุกอย่าง: Student Visa (Subclass 500)

การจะมาเรียนต่อในออสเตรเลียนั้น นักเรียนจะต้องทำการสมัครเรียนและยื่นวีซ่านักเรียนก่อน ซึ่งวีซ่านักเรียนแต่ละประเภทที่จะขอก็ขึ้นอยู่กับอายุ หลักสูตร ระยะเวลาเรียนของผู้สมัคร โดยส่วนใหญ่แล้วนักเรียนต่างชาติมักจะยื่นขอวีซ่า Student Visa (Subclass 500) ดังนั้น พี่ๆ ทีมงาน TT&T Services จะมาบอกเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้ฟังในบทความนี้ค่ะ




วีซ่าประเภทต่างๆ ที่ผู้สมัครสามารถเรียนได้

Student Visa (Subclass 500)

Student Visa (Subclass 500) ถูกนำมาใช้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ.2016 เป็นต้นมา วีซ่าตัวนี้ครอบคลุมอนุญาตให้นักเรียนสามารถอาศัยอยู่ในออสเตรเลียได้ถึง 5 ปี ซึ่งจะสอดคล้องกับวันเวลาของหลักสูตรที่นักเรียนลงเรียน ค่าสมัครวีซ่าอยู่ที่ 620 AUD (~14,325 บาท) ข้อดีของวีซ่าประเภทนี้ยังมีอีกมากมาย เช่น การนำครอบครัวหรือคนรักมาอยู่ในออสเตรเลียด้วยกันได้ขณะเรียนหนังสือ หรือการสมัครเรียนทางออนไลน์ทั้งในและนอกออสเตรเลียก็ได้ เป็นต้น


นักเรียนจะต้องมีสิ่งต่อไปนี้ในการสมัคร Student Visa (Subclass 500):

  • สมัครเรียนหลักสูตรที่เรียนที่แคมปัสในออสเตรเลียแบบเต็มเวลา (full-time)

  • มีประกันสุขภาพ OSHC (Overseas Student Health Cover)

  • อายุมากกว่า 6 ปีขึ้นไป

  • สำหรับนักเรียนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จะต้องมีหลักฐานการจัดหาที่พักหรือสวัสดิการ


สิ่งที่นักเรียนจะต้องมีก่อนสมัคร Student Visa (Subclass 500)

  • Confirmation of Enrollment (CoE): นักเรียนที่สมัครเรียนหลักสูตรของสถาบันที่เป็น ELICOS หรือ CRICOS แบบฟูลไทม์ จะได้จดหมายยืนยันการสมัครเรียนหรือ CoE มา ซึ่งจดหมายตัวนี้ อิมมิเกรชั่นจะใช้พิจารณาระยะเวลาของวีซ่าที่นักเรียนจะได้รับนั่นเอง นักเรียนสามารถสมัครเรียนได้มากกว่า 1 หลักสูตรขึ้นไป ซึ่งแต่ละหลักสูตรจะเป็นตัวที่นำไปสู่อีกหลักสูตรที่สูงกว่า ระยะห่างระหว่างสองหลักสูตรไม่ควรเกิน 2 เดือน (เช่น หากหลักสูตร Certificate IV จบวันที่ 5 พฤษภาคม เราก็ควรจะลงหลักสูตร Diploma ที่เป็นตัวต่อไปไม่เกิน 2 เดือนหลังจากวันจบหลักสูตรก่อนหน้า)

  • ทั้งนี้ ก็มีข้อยกเว้นอยู่ว่า หากหลักสูตรแรกสิ้นสุดลงในเทอมสุดท้ายของปีการศึกษานั้นพอดี หลักสูตรตัวต่อไปก็จะสามารถเริ่มได้เมื่อเริ่มปีการศึกษาใหม่ในปีถัดมา ซึ่งทั้งสองหลักสูตรอาจมีระยะห่างเกิน 2 เดือน

  • Letter of Support: หากนักเรียนได้รับทุนการศึกษาหรือได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐของออสเตรเลีย ก็สามารถแนบจดหมายตัวนี้เพื่อยืนยันการลงเรียนได้

  • Letter from Educator: นักเรียนระดับปริญญาโทขึ้นไปที่ต้องอยู่ในออสเตรเลียเพื่อทำวิทยานิพนธ์หรือรอผลการตรวจวิทยานิพนธ์อยู่ จะต้องยื่นจดหมายจากทางมหาวิทยาลัยเพื่อขออยู่ต่อในออสเตรเลียจนกว่าจะจบการศึกษา


Genuine Temporary Entrant (GTE)

สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเอกสารอื่นๆ ก็คือ GTE Statement ซึ่งเป็นจดหมายแนะนำตัวภาษาอังกฤษ จดหมายนี้จะต้องอธิบายประวัติความเป็นมาของนักเรียนและเหตุผลของการไปเรียนต่อในออสเตรเลีย ”เป็นการชั่วคราว” เพื่อที่อิมมิเกรชั่นจะได้ทราบว่าผู้สมัครมีเหตุผลในการขอวีซ่าเพื่อมาเรียนจริงๆ และไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝง GTE จะประกอบด้วยรายละเอียด ดังต่อไปนี้

  • ประวัติการศึกษาที่ผ่านมา: ในส่วนนี้จะต้องอธิบายประวัติการศึกษาว่าเรียนจบอะไรมา ระยะเวลาเท่าไร ผลการศึกษาเป็นอย่างไร โดยมากจะพูดถึงแค่การศึกษาที่เรียนจบมาล่าสุด

  • ช่องว่างระหว่างการศึกษา: หากมีช่วงเว้นว่างระหว่างการศึกษาก็ควรอธิบายเหตุผลของการเว้นว่างนั้นด้วย เช่น ไปบวช ต้องการหาประสบการณ์ก่อนเรียนต่อ หรือเหตุผลใดๆ ก็ตาม

  • ข้อมูลการทำงานปัจจุบัน: ส่วนนี้ต้องอธิบายถึงการทำงานในปัจจุบันว่าทำที่บริษัทไหน ตำแหน่งอะไร ตั้งแต่เมื่อไรมีหน้าที่อะไร และงานนี้จะเป็นเหตุผลที่ผู้สมัครจำเป็นต้องเรียนต่อในต่างประเทศอย่างไรบ้าง

  • ความผูกพันต่อประเทศบ้านเกิด: ส่วนนี้สำคัญมาก เพราะผู้สมัครจะต้องอธิบายให้เจ้าหน้าที่ได้ทราบว่าเรามีเหตุผลที่จะกลับประเทศไทยหลังเรียนจบจริงๆ ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของ ความผูกพันต่อครอบครัว สถานะทางการเงินทรัพย์สินส่วนบุคคล โฉนดที่ดิน หรือสถานะทางสังคม เป็นต้น

  • สถานะทางการเงินของผู้สมัคร: ผู้สมัครต้องอธิบายถึงสถานะทางการเงินว่ามีแบงค์สเตทเม้นท์เท่าไร (ควรจะมีย้อนหลังขั้นต่ำ 6 เดือน) สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างขณะศึกษาและพำนักอยู่ในออสเตรเลียได้หรือไม่ หากมีสปอนเซอร์ด้านการเงินก็ต้องกล่าวถึงบุคคลนั้นด้วย

  • โอกาสในการทำงานหลังเรียนจบ: ผู้สมัครมีจดหมายเสนอตำแหน่งงานหรือโปรโมชั่น (employment offer) หรือไม่หากมี นายจ้างเสนอค่าจ้างเงินเดือนเท่าไร ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ผู้สมัครก็จะต้องแนบประกาศหางานที่ต้องการทำในอนาคตที่แสดงถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากตำแหน่งเดิมมาอย่างน้อย 2 – 3 งาน เพื่อให้อิมมิเกรชั่นเห็นว่าผู้สมัครเรียนไปเพื่อความก้าวหน้าด้านการงานจริง


ประกันสุขภาพ OSHC

สิ่งที่ขาดไม่ได้ก่อนยื่นสมัครวีซ่านักเรียน คือ ประกันสุขภาพ OSHC (Overseas Student Health Cover) ซึ่งจะครอบคลุมระยะเวลาทั้งหมดที่ผู้สมัครจะเรียนต่อและอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย ประกันของแต่ละบริษัทก็มีนโยบายแตกต่างกันไป การที่อิมมิเกรชั่นจะพิจารณาอนุมัติวีซ่าหรือไม่ ผู้สมัครจะต้องมี OSHC ซึ่งสำคัญไม่แพ้ CoE


ประกันสุขภาพสำหรับนักเรียนต่างชาติแบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่

  • ประเภทเดี่ยว (single) ราคาขั้นต่ออยู่ที่ 430 AUD/ปี

  • ประเภทคู่ (couple) ราคาขั้นต่ออยู่ที่ 2680 AUD/ปี

  • ประเภทครอบครัว (family) ราคาขั้นต่ออยู่ที่ 4000 AUD/ปี

ผลสอบภาษาอังกฤษ

นักเรียนที่ต้องการเรียนหลักสูตรที่ต้องแสดงผลการวัดระดับภาษาอังกฤษ จะต้องแนบผลสอบมาด้วย ซึ่งจะต้องใช้คะแนนดังตารางข้างล่าง

*ELICOS คือ หลักสูตรสำหรับนักเรียนต่างชาติ (English Language Intensive Courses for Overseas Students)*


สถานะทางการเงินที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดขณะศึกษาและอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย

ผู้สมัครวีซ่านักเรียนจากนอกประเทศออสเตรเลีย (offshore) จะต้องแสดงหลักฐานทางการเงินในรูปแบบ bank statement และ/หรือ bank guarantee ที่ระบุถึงศักยภาพในการดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ผู้สมัครจะมาศึกษาและอาศัยอยู่ในออสเตรเลียอาทิ ค่าเทอม ค่าที่พัก ค่าอาหารการกิน ค่าเดินทาง ฯลฯ หลักฐานทางการเงินนี้อาจจะเป็นของผู้สมัครเองหรือของผู้ปกครองที่สปอนเซอร์ทางการเงินให้ก็ได้

  • นักเรียนที่จะมาเรียนในออสเตรเลีย 12 เดือน จะต้องมีเงินในบัญชีอย่างน้อย 62,222 AUD หากนำครอบครัวมาด้วยจะต้องมีอย่างน้อย 72,592 AUD

  • หากได้รับทุนการศึกษาจากหน่วยงานในออสเตรเลีย จะต้องแนบจดหมายการสนับสนุนด้านเงินนี้มาด้วย


ผู้สมัครวีซ่านักเรียนจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพ

เมื่อผู้สมัครทำการยื่นวีซ่าไปแล้ว ทางอิมมิเกรชั่นจะส่งอีเมลแสดงรายละเอียดให้ผู้สมัครไปตรวจสุขภาพตามสถานพยาบาลที่กำหนด โดยผลการตรวจจะต้องไม่เป็นโรคที่เป็นภัยต่อสาธารณชน


ขั้นตอนการดำเนินการวีซ่านักเรียน

Step 1: ก่อนยื่นวีซ่า

  • ทำพาสปอร์ต

  • เลือกสถานพยาบาลที่ต้องไปตรวจสุขภาพ


Step 2: เตรียมเอกสารทั้งหมด

  • พาสปอร์ต/ใบเกิด

  • ทะเบียนบ้าน

  • CoE (Confirmation of Enrollment)/ Offer Letter

  • ประกันสุขภาพ OSHC (Overseas Health Cover)

  • หลักฐานทางการเงินของตัวเองหรือสปอนเซอร์ (สำหรับค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือจากค่าเทอม ต้องมีเงินขั้นต่ำ 20,000 AUD)

  • หลักฐานความสัมพันธ์กับสปอนเซอร์ เช่น ทะเบียนบ้าน ใบเกิด

  • Genuine Temporary Entrant (GTE)

  • ผลสอบการวัดระดับภาษาอังกฤษ

  • ผลการเรียนจากไทย

  • อื่นๆ ตาม Document Checklist Tool


Step 3: ยื่นวีซ่า

  • ยื่นวีซ่าผ่านช่องทางออนไลน์ ImmiAccount

  • แนบเอกสารทั้งหมด

  • จ่ายค่าวีซ่า สามารถจ่ายผ่านช่องทาง MasterCard (ได้แก่ Debit MasterCard), VISA (ได้แก่ VISA Debit Card), American Express, Diners Club, JCB, China Union Pay, Prepaid credit cards, PayPal, และBPAY


Step 4: หลังยื่นวีซ่า

  • ประทับลายนิ้วมือ Biometrics

  • ตรวจสุขภาพ

  • แนบข้อมูลเพิ่มเติมหากอิมมิเกรชั่นเรียกขอ


Step 5: รอผลออก

ผลวีซ่าจะออกมาในรูปแบบจดหมายที่จะส่งมาทางอีเมล ในจดหมายประกอบด้วย

  • visa grant number

  • วันหมดอายุวีซ่า

  • เงื่อนไขต่างๆของวีซ่า


ระยะเวลาในการดำเนินการ

โดยส่วนใหญ่ การดำเนินการวีซ่านักเรียนของอิมมิเกรชั่นใช้เวลาประมาณ 1 เดือน แต่บางเคสอาจใช้เวลามากถึง 10 เดือน ทั้งนี้ ผู้สมัครอาจรอผลนานไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับหลักสูตรที่สมัครเรียนดังตารางนี้



เหตุผลการปฏิเสธวีซ่านักเรียน

แม้ว่าออสเตรเลียจะต้อนรับนักเรียนต่างชาติก็ตาม บางกรณีนักเรียนก็อาจถูกปฏิเสธวีซ่าได้ ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น

  • เอกสารที่แนบไม่ครบตามที่กำหนด หรือกรอกข้อมูลไม่สมบูรณ์

  • เลือกเรียนหลักสูตรที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมายการทำงานหรือการศึกษาก่อนหน้า

  • ผลการวัดระดับภาษาอังกฤษไม่ผ่านเกณฑ์

  • มีปัญหาสุขภาพ

  • ไม่สามารถอธิบายตัวเอง เหตุผลในการมาเรียน หรือเป้าหมายการทำงานในอนาคตใน GTEได้

  • มีคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ของหลักสูตรที่สมัคร

  • ไม่อธิบายความผูกพันต่อประเทศบ้านเกิด หรือไม่ระบุว่าจะกลับประเทศบ้านเกิดหลังเรียนจบ


การสมัครเรียนและยื่นวีซ่านักเรียนด้วยตัวเองก็สามารถทำได้ แต่การใช้เอเจ้นท์เป็นตัวช่วยก็ทำให้นักเรียนสามารถจัดการได้รัดกุมและเตรียมเอกสารหลักฐานได้หนักแน่นกว่า อีกทั้งเอเจ้นท์มีคอนเนคชั่นกับสถาบันการศึกษาในออสเตรเลีย จึงทำให้มั่นใจได้ว่านักเรียนเลือกเรียนกับสถาบันที่มีคุณภาพและชื่อเสียงอย่างแท้จริง เพราะสถาบันที่เปิดสอนนักเรียต่างชาติก็ถูกจัดระดับโดยรัฐบาลออสเตรเลียไม่เท่ากัน (ปัจจุบันถูกแบ่งเป็นสามระดับ คือ Level 1 – 3) หากนักเรียนเลือกเรียนกับโรงเรียนที่ไม่สอดคล้องกับระดับพาสปอร์ตประเทศไทย (ตอนนี้ประเทศไทยถูกจัดระดับให้เป็น Level 2) ก็เสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธวีซ่าได้


 

หากมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับประกันสุขภาพทาง ทีมงานของเราก็ยินดีให้คำปรึกษาฟรีค่ะ

Phone: (04) 7915 4195

LINE ID: @ttandtservicesau

Address: 202/368 Sussex St, Sydney NSW 2000


142 views0 comments

Commenti


bottom of page